สุขภาพกายดูแลดีแล้ว แล้วสุขภาพการเงินยังแข็งแรงอยู่ไหม?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ยิ่งนานวันเข้า วิกฤต COVID-19 ก็ยิ่งบั่นทอนกำลังใจลงไปทุกที เพราะนอกจากจะต้องกังวลกับเรื่องเชื้อโรคแล้ว เศรษฐกิจที่ฝืดเคืองก็ยังส่งผลให้เกิดความกังวลและความเครียดจนทำให้สุขภาพใจต้องเหนื่อยล้า ซึ่งท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจแบบนี้ Easy Money ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ได้ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรง และอย่าลืมวางแผนดูแลสุขภาพทางการเงินให้รัดกุม เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับการใช้จ่ายอย่างไม่ต้องกังวล
ดังนั้น เพื่อช่วยให้ทุกคนได้สามารถวางแผนดูแลสุขภาพการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุค NEW NORMAL แบบนี้ วันนี้ Easy Money จะขอชวนทุกคนไปเจาะลึกกับ 3 กฎเหล็กการวางแผนเพื่อเสริมความแข็งแรงให้สุขภาพทางการเงินกัน ถ้าพร้อมเพิ่มพลังสุขภาพทางการเงินแล้ว ไปดูรายละเอียดของกฎเหล็กแต่ละข้อพร้อมกันเลย
‘การทำรายรับ - รายจ่าย’ อย่างเป็นประจำจะช่วยให้วางแผนการเงินได้อย่างรัดกุมและรอบคอบมากที่สุด อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถหาช่องทางเก็บเงินได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งการทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบจะช่วยให้เราเห็นถึง ‘นิสัยการใช้เงิน’ ของตัวเองได้ และสามารถหาทางแก้ไขนิสัยเหล่านี้เพื่อหาช่องทางเพิ่มสภาพคล่องได้อย่างลงตัว
เราอาจจะติดนิสัยการซื้อของราคาถูกเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือชอบชอปออนไลน์ที่มีโปรโมชันดี ๆ ตาม Shopee หรือ Lazada ซึ่งหากมองเผิน ๆ แล้ว หลายคนอาจมองว่า ค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ หรือการชอปออนไลน์ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็อาจไม่ได้ส่งผลต่อสภาพทางการเงินมากนัก เพราะติดอยู่กับคำว่า “ของมันต้องมี” “ราคานี้ไม่แพง” หรือ “โปรนี้พลาดไม่ได้” แต่ไม่ว่าจะติดอยู่กับคำไหน หรือปัจจัยอะไรที่ทำให้มีนิสัยเหล่านี้ อย่าลืมว่า หากซื้อของแบบนี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ก็จะรวมเป็นเงินก้อนโตขึ้นมาได้เช่นกัน
และเมื่อเราเห็น ‘นิสัยทางการเงิน’ ที่อาจทำให้ไม่มีเงินเก็บ หรือมีสภาพคล่องต่อเดือนที่น้อยลงจากการทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายแล้ว ขั้นตอนต่อไป Easy Money ขอแนะนำให้ทุกคนลองสร้างเงื่อนไขเก็บเงินจากรายจ่ายดู โดยส่วนใหญ่แล้ว วิธีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ แบบไม่กดดันตัวเองมากจะมีทั้งหมด 2 วิธี คือ
1. เลือกหักเงินเข้ามาเก็บเท่ากับจำนวนเงินที่ซื้อของไปก็ได้ เช่น หากเดือนนี้ชอปออนไลน์หรือซื้อของไป 1,000 บาท ก็ต้องหักเงินจากรายรับเข้ามาเก็บ 1,000 บาทด้วยเช่นกัน
2. เลือกพิจารณาจากรายรับและแบ่งเงินออกเป็นส่วน ๆ และแยกเก็บต่างหาก เช่น
- สามารถใช้วิธีเก็บเงินแบบ The Latte Factor ที่ David Bach แนะนำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจไม่จำเป็น เหมือนกับการประหยัดค่ากาแฟลาเต้ในทุก ๆ วัน โดยเราอาจเลือกประหยัดค่าใช้จ่ายแฝงที่อยู่ในชีวิตประจำวันช่วง COVID-19 เช่น นำเงินค่าเดินทางที่ต้องจ่ายทุกเดือนมาเก็บแทนที่จะนำไปใช้ เพราะช่วงนี้ใคร ๆ ก็ต้อง Work From Home หรือประหยัดค่าส่งเดลิเวอรี่โดยการหาร้านที่ใกล้ขึ้น หรือการหาของใกล้ตัวตามร้านสะดวกซื้อแทนที่จะเข้าร้านออนไลน์เพื่อประหยัดค่าขนส่ง เป็นต้น
- ถ้ารู้สึกว่าวิธีแบบ The Latte Factor ไม่ตอบโจทย์ก็สามารถเลือกใช้วิธีการเก็บเงิน 6 JARS ของ T. Harv Eker ที่แนะนำให้ทุกคนแบ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกเป็น 6 ประเภท โดยแบ่งเป็น เงินออม 10%, เงินใช้จ่าย 55%, เงินลงทุน 10%, เงินสำหรับซื้อหนังสือหรือสื่อมาพัฒนาสกิลตัวเอง 10%, เงินสำหรับให้รางวัลตัวเอง 10% และเงินสำหรับแบ่งปันตามโอกาสต่าง ๆ อีก 5% ซึ่งการแบ่งเงินตามนี้จะช่วยให้เราบริหารรายรับ - รายจ่ายได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากบัญชีรายรับ - รายจ่ายที่เป็นพื้นฐานในการวางแผนการเงินแล้ว สำหรับใครที่ได้ผันตัวเป็นนักลงทุนทั้งในช่วงก่อนและหลังเกิด COVID-19 การหันมาพิจารณาพอร์ตการลงทุนอีกรอบก็จะยิ่งช่วยให้วางแผนการเงินได้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
ขึ้นชื่อว่าการลงทุน ทุกการตัดสินใจย่อมมีความเสี่ยงทั้งสิ้น และยิ่งท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนเช่นนี้ แน่นอนว่าความเสี่ยงในการลงทุนย่อมมีมากขึ้น ดังนั้น Easy Money อยากขอแนะนำให้นักลงทุนทั้งมือใหม่และเก่าทุกคนลองเข้าไปพิจารณาการลงทุนในพอร์ตอีกครั้งเพื่อหาทางรับมือ ดังนี้
1. ดูพอร์ตการลงทุนทุกพอร์ตในมือ จากนั้นลองมาจัดสรรดูว่า แต่ละพอร์ตนั้นมีไว้เพื่อจุดประสงค์อะไร เช่น พอร์ตนี้สำหรับเงินเก็บ พอร์ตนี้ต้องเอากำไรมาหมุนเป็นค่าบ้าน เป็นต้น จากนั้น ให้มาเลือกพิจารณาความเสี่ยงตามจริงว่า ในยุคที่เศรษฐกิจเอาแน่เอานอนไม่ได้แบบนี้ ควรจะบริหารความเสี่ยงอย่างไรเพื่อให้ยังมีเงินหมุนเหมือนที่ต้องการ
2. กระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์แบบต่าง ๆ เท่าที่เราจะดูแลไหวเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและหมุนเงินจากช่องทางต่าง ๆ จากนั้นเลือกหาสมดุลการลงทุนให้เจอ แต่เมื่อกระจายพอร์ตแล้ว ก็อย่าลืมศึกษาการลงทุนให้ดี เพราะไม่ว่าจะการลงทุนไหนก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี
3. หาพอร์ตการลงทุนความเสี่ยงต่ำ หรือการลงทุนที่ถนัดจริง ๆ เพื่อเป็นหลุมหลบภัยเวลาเกิดปัญหาหรือสถานการณ์ใด ๆ จะได้ย้ายหนีทัน
4. มั่นคง หนักแน่น ศึกษาให้ละเอียดและเข้าใจ อย่าเป็นแมลงเม่าเข้ากองไฟ และอย่าลงทุนตามเทรนด์ เพราะอย่าลืมว่าเทรนด์แต่ละอย่างนั้นมีอายุที่สั้น พอคนเลิกสนใจแล้วระวังจะเจ็บกว่าเดิมไม่รู้ตัว ดังนั้น ตั้งสติก่อนลงทุนทุกครั้ง
แต่หากสุดท้ายแล้ว ไม่สามารถบริหารจัดการรายรับ - รายจ่ายให้เป็นไปตามต้องการ Easy Money ขอแนะนำว่า อย่าหันหน้าเข้าสู่เงินกู้นอกระบบ หรือแอปฯ กู้เงินเถื่อนที่ส่ง SMS มาเด็ดขาด เพราะนอกจากจะไม่ได้เงินเต็มแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นหนี้ไม่รู้จบ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการโดนนำข้อมูลต่าง ๆ เช่น ที่อยู่ เลขบัตรประชาชนไปขายทอดในตลาดมืดจนทำให้เกิดอันตรายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ แถมกฎหมายก็ยังคุ้มครองการเป็นหนี้นอกระบบอีกด้วย ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด หากใครต้องการเงินสดสำรองเพิ่มเติม ควรมองหาสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย
หรือถ้าหากเงื่อนไขจากสถาบันการเงินเหล่านั้นไม่เอื้ออำนวยกับสภาพการเงินและความต้องการของเรา ก็สามารถแวะเข้ามาใช้บริการกับโรงรับจำนำเอกชนเพื่อนำเงินสดไปใช้จ่ายตามที่ต้องการ ซึ่งในยุค COVID-19 เช่นนี้ Easy Money เองก็มาพร้อมกับบริการประเมินทรัพย์ออนไลน์ ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถใช้บริการโรงรับจำนำในรูปแบบออนไลน์ พร้อมได้ประเมินทรัพย์อย่างถูกต้อง แถมยังไม่ต้องออกมาใช้บริการให้เกิดความเสี่ยงอีกด้วย สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
แต่ถ้าหากใครเป็นนักลงทุนที่บริหารจัดการพอร์ตได้แล้ว หรือใครที่ไม่ถนัดการลงทุนจริง ๆ เพราะไม่มีเวลาไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เนื่องจากการงานแต่ละวันก็รัดตัวมากอยู่แล้ว หรือไม่อยากเป็นหนี้กับสถาบันการเงินไหนเพิ่มเติม รู้หรือไม่? หากอยากได้เงินก้อนมาใช้ นอกจากการลงทุนแล้ว ‘การหาอาชีพเสริม’ ก็เป็นอีกหนึ่งทางออกที่จะช่วยเพิ่มรายรับเข้ามาเพื่อสมดุลกับรายจ่ายได้ โดยหากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นกับอาชีพไหนดี Easy Money มีอาชีพแนะนำให้เริ่มต้นได้ถึง 10 อาชีพ โดยทุกคนสามารถอ่านได้โดยการคลิกที่นี่ หรืออาจจะมาเลือกซื้อของหลุดจำนำที่ผ่านการประเมินและตีราคาแล้วไปขยายเป็นธุรกิจของแบรนด์เนมต่อได้เช่นกัน
เพราะไม่มีใครรู้ว่าวิกฤตนี้จะจบลงเมื่อไหร่ ดังนั้น ต้องดูแลทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพการเงินให้ดี Easy Money หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากฎเหล็กทั้ง 3 ข้อที่นำมาฝากนี้ จะช่วยให้ทุกคนได้มีแนวทางในการเสริมความแข็งแรงให้สุขภาพทางการเงินได้ อย่าลืมนำกฎแต่ละข้อไปปรับใช้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสำหรับตัวเองเพื่อสร้างเกราะและภูมิคุ้มกันให้สุขภาพการเงินด้วยนะ