สิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ผู้ให้บริการโรงรับจำนำ อีซี่มันนี่ (Easy Money) เปิดเผยว่า จากการดำเนินการมา 15 ปี ปัจจุบันอีซี่มันนี่ขยายการเติบโตไปแล้วถึง 50 สาขาใน 28 จังหวัดทั่วประเทศ วันนี้ในเชิงของแบรนดิ้ง เราพร้อมแล้วกับการเป็นสถาบันสินเชื่อทางเลือกของไทย โดยเป็นสถาบันการเงินที่เชี่ยวชาญในเรื่องของการรับจำนำ
“อีซี่มันนี่เกิดขึ้นจากการที่ผมเห็นคนจำนวนมากต้องการสินเชื่อระยะสั้น ขณะที่การเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างสถาบันการเงินขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร นั้นทำได้ยาก แต่มีสถาบันการเงินชนิดหนึ่งที่สะดวกและใกล้ตัวอย่างโรงรับจำนำ แต่ผู้คนกลับมองข้ามเพราะรูปลักษณ์, การให้ราคาที่ไม่เป็นธรรม, การบริการที่ไม่สุภาพ และความไม่น่าเชื่อถือ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมปรับโฉมอีซี่มันนี่สาขาแรกที่รังสิตให้ทันสมัยและมีมาตรฐานเทียบเท่ากับสถาบันการเงินชั้นนำ”
สิทธิวิชญ์ ระบุว่า อีซี่มันนี่ถูกออกแบบให้มีความแตกต่างจากภาพจำเดิมๆ ของโรงรับจำนำ ตั้งแต่อาคารที่ออกแบบอย่างทันสมัย โอ่โถง พนักงานมีอัธยาศัยไมตรีที่ดี มีการจัดเก็บทรัพย์อย่างมีมาตรฐาน เช่น ทองคำ จะจัดเก็บในซองพลาสติกหนาที่ซีนความร้อนทุกด้าน ทำให้ทรัพย์ไม่กระทบกัน ไม่เกิดความเสียหาย
นอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใช้ในการออกตั๋วจำนำ มีการยิงบาร์โค้ด, ใช้เครื่องสแกนนิ้วแทนที่การปั๊มลายนิ้วมือ ซึ่งช่วยลดปัญหาการเกิดความผิดพลาดในช่วงที่มีการใช้บริการหนาแน่น, มีห้องวีไอพีไว้รองรับลูกค้าที่มาจำนำทรัพย์หลายชิ้น และยังมีบริการแจ้งเตือนป้องกันทรัพย์หลุดจำนำอีกด้วย
“จุดเด่นของเราคือ เราให้ความใส่ใจลูกค้า ให้บริการลูกค้าโดยดูจากมุมมองของลูกค้าเป็นหลัก ทั้งในเรื่องของราคาและมาตรฐานการจัดเก็บทรัพย์ ทั้งยังให้บริการด้วยความรวดเร็ว จนผู้ประกอบการหลายรายเริ่มลอกเลียนแบบ แต่เรายังคงจุดเด่นคือรับจำนำทรัพย์ได้หลายประเภท ซึ่งรวมไปถึงสินค้าแบรนด์เนม นาฬิกา หรือแม้แต่กีต้าร์ไฟฟ้า”
สิทธิวิชญ์ กล่าวต่ออีกว่า การประกาศความพร้อมสู่การเป็นสถาบันสินเชื่อทางเลือก เนื่องจากมองว่าการจำนำคือการกู้ยืมเงินโดยมีทรัพย์เป็นหลักประกัน ทั้งยังสะดวก ได้เงินง่าย และเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการสภาพคล่อง สำหรับรายได้ของบริษัทตั้งธนสินนั้นมาจากดอกเบี้ยเป็นหลัก นอกจากนั้นคือมาจากการขายสินค้าหลุดจำนำผ่านทางสาขาทั้ง 50 สาขา, ร้าน Easy Money Shop จำนวน 2 สาขา คือ สาขาเซ็นทรัลพระราม 3 และสาขาเซ็นทรัลนครราชสีมา และช่องทางออนไลน์คือเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ของอีซี่มันนี่
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทตั้งธนสิน สิทธิวิชญ์เผยว่ามีการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 40-50% ต่อปี ยอดทรัพย์สินหลุดจำนำเฉลี่ยปี 2562 อยู่ที่ 4.9% ลดลงจากปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 5% โดยลูกค้าส่วนใหญ่ 75% เป็นพนักงานประจำหรือมนุษย์เงินเดือน ขณะที่อีก 25% เป็นผู้ประกอบการและพ่อค้าแม่ค้า
“ในปีนี้เรายังเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขาในต่างจังหวัด เนื่องจากข้อกฎหมายที่กำหนดว่าไม่ให้เพิ่มจำนวนโรงรับจำนำในเขตกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ใช้งบลงทุนสาขาละ 40-50 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าปีนี้เราจะเติบโตกว่า 20% ทั้งในแง่ของปริมาณการใช้บริการและรายได้”
สิทธิวิชญ์ ยังให้มุมมองอีกว่า โรงรับจำนำนั้นสามารถเป็นตัวบ่งชี้เศรษฐกิจของประเทศได้ระดับหนึ่ง เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับลูกค้าที่ถือเป็นข้อมูลปฐมภูมิ ทำให้ได้ข้อมูลและวัตถุประสงค์การใช้เงินโดยตรง
โดยหากอ้างอิงจากลูกค้าที่มาใช้บริการที่อีซี่มันนี่ พบว่า ลูกค้ากลุ่มมนุษย์เงินเดือนเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการเก็บออมทรัพย์สินมีค่า ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องประดับและทองคำ ซึ่งถ้ามีค่าใช้จ่ายก็จะนำทรัพย์มาเปลี่ยนเป็นเงิน โดยพฤติกรรมการจำนำหรือไถ่ถอนทรัพย์จะแปรตามเทศกาล เช่น ปลายปีมีโบนัส ก็จะมีการไถ่ถอนมาก หรือช่วงก่อนสงกรานต์ต้องการใส่ทองกลับบ้านก็จะมีการไถ่ถอนมาก ขณะที่ในช่วงใกล้เปิดเทอมจะมีการจำนำมากขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อนำเงินไปใช้กับการศึกษาของบุตรหลาน ทั้งนี้ หากกลุ่มนี้ตกงาน ไม่มีโบนัส หรือเศรษฐกิจฝืดเคือง ตัวเลขการไถ่ถอนจะน้อยลง ทำให้สามารถบอกสภาพเศรษฐกิจในระดับหนึ่งได้
สิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ : ส่วนลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ จะเข้าโรงรับจำนำเพื่อนำเงินไปลงทุน ต่อยอดธุรกิจ หรือใช้เป็นเครื่องเสริมสภาพคล่องในช่วงที่รายรับและรายจ่ายไม่สมดุลกัน กรณีที่มีลูกค้ากลุ่มนี้มาจำนำมากๆ แสดงว่าเป็นช่วงโอกาสที่การค้าขายคึกคัก เศรษฐกิจดี เมื่อมีรายได้ก็มาไถ่ถอน
“ธุรกิจโรงรับจำนำเปรียบเสมือนน้ำมันหล่อลื่นให้กับระบบเศรษฐกิจ ช่วยด้านสภาพคล่อง ผมเชื่อว่าความต้องการสภาพคล่องระยะสั้นในระบบเศรษฐกิจยังมีอยู่ และยิ่งถ้าเศรษฐกิจขยายตัว ความต้องการสภาพคล่องก็มีมากขึ้น นี่คือโอกาสของธุรกิจโรงรับจำนำ”
สำหรับปี 2561 และ 2562 ที่ผ่านมาที่ทรัพย์หลุดจำนำของอีซี่มันนี่อยู่ที่ 5% และ 4.9% ตามลำดับนั้น สิทธิวิชญ์มองว่าสภาพเศรษฐกิจของปีที่แล้วและปีก่อนหน้าอยู่ในภาวะทรงตัว ขณะที่ในปีนี้ที่เปิดต้นปีก็มีความท้าทายเข้ามาหลายด้าน จึงมองว่าเศรษฐกิจจะยังทรงตัวเท่าปีก่อน โดยหากเศรษฐกิจไม่ดีหรือฝืดเคือง ทรัพย์หลุดจำนำจะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 7%
สิทธิวิชญ์ ทิ้งท้ายถึงมุมมองการแข่งขันในอุตสาหกรรมธุรกิจโรงรับจำนำว่า การแข่งขันในอนาคตจะแข่งกันที่คุณภาพของการให้บริการ ความสะดวกรวดเร็ว มากกว่าเรื่องของการให้ราคา